ความลับการร้อยไหม มีแบบไหนบ้าง? กี่วันเห็นผล? อยู่ได้กี่ปี?

สารบัญเนื้อหา 44Botox

การร้อยไหมเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมในการเสริมความงามประเภทในเรื่องของการยกกระชับปรับรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็นร้อยไหมยกหางตา, ร้อยไหมหน้าเรียวหรือร้อยไหมคอลลาเจน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการฟื้นฟูและแก้ปัญหาบนผิวหน้าให้กลับมาเต่งตึง กระชับปรับรูปทรงให้เรียวสวย ซึ่งใครที่กำลังอยากรู้ว่าร้อยไหม อยู่ได้นานไหม? ร้อยไหม ราคาเท่าไหร่? มีแบบไหนบ้าง ร้อยไหมเจ็บไหม? และมีผลข้างเคียงหรือเปล่า? 44botox จะพาไปไขข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับหัตถการตัวนี้กัน รวมทั้งพาไปรู้จักไหมชนิดต่างๆ ที่นำมาใช้กับใบหน้าของเราว่าเป็นอย่างไร? มีกี่แบบและควรเลือกใช้แบบไหนดี? ที่จะทำให้คงผลลัพธ์ความสวยกระชับได้ยาวนาน 

ร้อยไหม

รู้จักไหมว่าร้อยไหม คืออะไร? แล้วเจ็บไหม?

การร้อยไหมคือการใช้ไหมละลายใส่เข้าไปในชั้นผิว เพื่อให้เงี่ยงไหมทำหน้าที่ยึดเกาะผิวและดึงชั้นผิวให้กระชับขึ้นตามจุดที่ต้องการ เป็นการยกกระชับผิวหน้าสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมีริ้วรอยร่องลึกอีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวได้อีกด้วย ส่วนใครที่กำลังกังวลว่าการร้อยไหมเจ็บไหม? บอกได้เลยว่าไม่ต้องกลัว เพราะการร้อยไหมจะมีการฉีดยาชาก่อนทำ ฉะนั้นไม่เจ็บแน่นอน อาจจะเจ็บนิดหน่อยคล้ายกับถูกมดกัดเบาๆ ตอนที่ฉีดยาชาเท่านั้นเอง

ร้อยไหม มีกี่แบบ วัสดุอะไร มีสารตกค้างหรือไม่?

1. ร้อยไหม แบบไหมละลาย

1.1. PDO (Polydioxanone)

ไหมละลายเส้นสีน้ำเงิน เป็นไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ในการเสริมความงาม มีความยืดหยุ่นปานกลางไม่นิ่มเปราะ, บวมน้อย, ร้อยง่ายและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี คงผลลัพธ์ 4-6 เดือน

1.2 PLLA (Polylactic acid)

ไหมละลายเส้นสีขาวที่พัฒนามาจาก PDO  มีความคงทน อยู่ได้นาน แต่จะมีความยืดหยุ่นน้อย ทำให้เกิดการหักและเปราะง่าย เป็นไหมที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีที่สุด

1.3. PCL (Polycaprolactone)

เป็นไหมที่มีความเหนียว มีสีใส มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด ไม่เปราะหักง่าย เป็นไหมที่อยู่ได้นานที่สุด ประมาณ 12-18 เดือน

2. ร้อยไหม แบบไหมไม่ละลาย

ไหมไม่ละลาย คือ ไหมที่ทำจากวัสดุที่ไม่สลายไปตามธรรมชาติ มีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ

2.1. ไหมพลาสติก Polypropylene (Aptos thread)

เป็นไหมที่แพทย์ใช้ในการเย็บแผลทั่วไป แต่เนื่องจากมีผลข้างเคียงเยอะเกินไปจึงไม่นิยมนำมาใช้ร้อยไหมสักเท่าไหร่

2.2. ไหมทองคำ (Gold Thread)

ผลิตจากทองคำแท้ 99.99% เป็นไหมที่อยู่ได้นานถึง 15 ปีเลยทีเดียว แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะมีข้อจำกัดเรื่องการโดนความร้อนและการเข้าเครื่อง CT Scan และ MRI ไม่ได้ อีกทั้งอาจจะมีปัญหากับกระดูกและโครงสร้างใบหน้าในระยะยาวอีกด้วย

ก่อนร้อยไหมต้องรู้ ลักษณะของเส้นไหม เหมาะกับใครบ้าง ควรเลือกใช้แบบไหนดี?

ร้อยไหม

1. ร้อยไหมแบบไหมเบสิก

1.1 ร้อยไหมแบบเรียบตรง (Mono Thread)

เป็นการร้อยไหมที่เป็นเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเกลียว เส้นไหมนี้ช่วยแก้ปัญหาจุดที่มีความหย่อนคล้อยมาก จึงนิยมใช้ร้อยบริเวณคอ, หน้าผากและใต้ตา

1.2 ไหมเรียบคอลลาเจน (Mono Collagen Thread)

การร้อยไหมคอลลาเจน คือการร้อยด้วยไหมเรียบเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับผิวและช่วยให้ชั้นผิวฟูขึ้น

1.3 ร้อยไหมแบบไหมเกลียวหรือไหมสปริง (Screw Thread)

มีความแข็งแรงกว่าไหมเรียบลักษณะของไหมเกลียวหรือไหมสปริงนี้ช่วยในการเพิ่มปริมาตรผิวที่ยุบเป็นแอ่งได้ จึงนิยมใช้ในการช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน

2. ร้อยไหมแบบไหมก้างปลาหรือไหมเงี่ยง (Barb Thread |  Cog Thread Series)

2.1.ไหมเงี่ยงแบบบาก เคลื่อนไหวไปมา ได้ง่าย

2.1.1.ไหมเงี่ยงแบบบากทิศทางเดียว Uni-direction (Cog)

ไหมเงี่ยงที่มีการบากเงี่ยงให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกัน การร้อยไหมชนิดนี้จะช่วยในการยึดเกาะชั้นผิวได้ดีกว่าไหมเรียบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับแก้ม เหนียง

2.1.2.ไหมเงี่ยงแบบบาก 2 ทิศทาง Bi-direction (U Cog)

ไหมเงี่ยงลักษณะการบากเงี่ยงให้เรียงตัวสวนทางกันไปใน 2 ทิศทาง การมีพื้นผิวสัมผัสมาก ทำให้เกิดการกระตุ้นผิวที่ดีกว่าและเกาะติดเนื้อเยื่อในชั้นผิวได้ดีกว่า

2.1.3. ไหมเงี่ยงแบบผสม Uni&Bi-ditrectional (Double Cog)

Double cog เป็นไหมเงี่ยงสองเส้น ใช้ดึงผิว ยกกระชับ นิยมใช้ร้อยไหมยกหางตา ยกคิ้ว

2.1.4.ไหมเงี่ยงแบบบากสามมิติ 3D Cog

3D Cog มีการหล่อเงี่ยงให้เรียงตัวไปทิศทางเหมือนสามมิติ รอบเส้นไหมทั้ง 360 องศา เห็นเงี่ยงชัดเจนมีความแข็งแรงเกาะกับผิวได้แน่น!

2.2.ไหมเงี่ยงแบบหล่อ แข็งแรง ยึดเกาะชั้นผิวได้ทนทาน

2.2.1.ไหมเงี่ยงแบบหล่อสามเหลี่ยมทึบคล้ายร่ม (Carving Cog)

ก้านของเงี่ยงไม่แข็งแรงมากทำให้สามารถเคลื่อนตัวไปมาได้ค่อนข้างง่าย ใช้จำนวนเส้นน้อยลดปัญหาเขียวช้ำหลังการทำ

2.2.2.ไหมเงี่ยงแบบหล่อเป็นซี่ๆ คล้ายฟันปลาฉลาม (Molding Cog)

Molding Cog เป็นไหมที่มีเงี่ยงของไหมหนา มีแรงยกสูง เหมาะสำหรับการยกกระชับ ปรับรูปหน้า ยกร่องแก้ม

2.2.3.ไหมเงี่ยงแบบหล่อสามเหลี่ยมขนาดใหญ่คล้ายหนามกุหลาบ (3D Molding Cog)

D Molding Cog เป็นไหมที่มีความแข็งแรงคงทน สามารถยึดเกาะผิวได้แน่น

3. ร้อยไหมแบบไหมกรวยสามมิติ (Silhouette Thread)

เป็นการร้อยไหมที่ช่วยยกกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่าไหมแบบอื่นโดยที่ไม่ทำลายเนื้อเยื่อและไม่บาดผิว

4. ร้อยไหมแบบไหมโครงตาข่าย (Mesh Treads |  Tesslift soft)

เส้นไหมชนิดนี้มีความแข็งแรง สามารถเกาะเนื้อเยื่อผิวได้ดี กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้ดี เหมาะกับการร้อยไหมยกกระชับผิวหย่อนคล้อยและร้อยไหมหน้าเรียว

5. ไหมอิตาลี (Italian Thread Lift |  Definisse Thread)

ไหมอิตาลีเป็นไหมที่มีเงี่ยงสองหัวหันวิ่งเข้าหากัน มีความยืดหยุ่นดียึดเกาะได้ดีเยี่ยมทำให้ผลลัพธ์การร้อยไหมยกกระชับอยู่ได้นานถึง 15 เดือน

6. ไหมมินต์ (Mint Lift)

เส้นไหมชนิดนี้ มีความแข็งแรงมากกว่าไหมทั่วไปถึง 4 เท่า ไม่เปราะหักง่าย ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว

ตารางเปรียบเทียบร้อยไหมตัวยอดนิยม แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร?

ชนิดไหมลักษณะช่วยเรื่องอะไรเหมาะกับใคร
ไหม Volumeเป็นไหมเรียบเส้นเล็กหลายเส้นพันรวมกันคล้ายเชือกสร้างวอลลุ่มใต้ชั้นผิวให้ผิวฟูกระชับคนที่มีปัญหาร่องแก้มและร่องน้ำหมากลึก
ไหม I-fillerเป็นม้วนคล้ายสปริง เป็นเส้นเดียวเคลือบด้วยคอลลาเจนขดเกลียวทำให้ไหมแข็งแรงขึ้น ยกกระชับผิวกระตุ้นคอลลาเจนคนที่มีริ้วรอยเล็กๆ รอยคล้ำใต้ตา
ไหม double cogเป็นเส้นสองเส้นคล้ายกล้างปลาพันอยู่ในท่อใช้ดึงผิวยกกระชับ นิยมใช้ยกคิ้ว ยกหางตาคนที่คิ้วตก หนังตาหย่อนคล้อย
ไหมก้างปลา Cogเป็นเส้นคล้ายกับก้างปลาค่อนข้างใหญ่เงี่ยงไหมช่วยดึงผิวให้ยกขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของผิวหนังคนที่อยากปรับรูปหน้ายกกระชับ, สร้างวีเชฟและลดเหนียง
ไหม Molding Cogมีเงี่ยงและลายหล่อแกะสลัก (Stulcuring) พัฒนาล่าสุดเส้นใหญ่กว่าไหมเงี่ยงทั่วไปเงี่ยงและลายสลักมากขึ้นช่วยในการเกาะยึดและกระชับผิวได้ดีกว่าไหมทั่วไปคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
ไหม Collagenลักษณะเป็นไหมเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยง เส้นไหมมีขนาดสั้นกระตุ้นการสร้าง Callagen-Elastin ผิวกระชับ แก้หลุมสิวและรูขุมขนกว้างคนที่ใบหน้าตอบต้องการให้ใบหน้าอิ่มฟู  ผู้ที่ต้องการให้ผิวมีความกระชับขึ้น
ร้อยไหม

ร้อยไหม อยู่ได้นานแค่ไหน กี่ปี? ทำไมแต่ละคนอยู่นานไม่เท่ากัน

สำหรับเรื่องของผลลัพธ์การร้อยไหม อยู่ได้นานไหม? ต้องบอกว่าไหมแต่ละประเภทและผิวหน้าของแต่ละคนจะส่งผลให้ระยะเวลาไม่เท่ากัน ถ้าเป็นการร้อยไหมก้างปลา จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผลชัดเจนและไหมจะอยู่ได้ประมาณ 4-12 เดือน แต่ถ้าเป็นไหมเรียบไหมคอลลาเจน ระยะเวลาเห็นผลจะประมาณ 1-2 เดือนนั่นเอง ไหมที่ใช้จะมีอายุตามวัสดุของเส้นไหมโดยทั่วไปยังสามารถยืดผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานถึง 4 เดือนถึง 1 ปี แต่คนที่คงผลลัพธ์ได้นานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น เช่น ลักษณะผิวและพฤติกรรมการใช้ชีวิต

หลังร้อยไหม ควรดูแลอย่างไรและต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง?

หลายคนยังกังวลเรื่องปัญหาหลังร้อยไหมที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากร้อยไหมแล้ว ในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรปฏิบัติตัวตามนี้ เพื่อให้คงผลลัพธ์ผิวกระชับได้นานขึ้น

  • ไม่ถูหรือล้างหน้าแรงๆ เพราะอาจทำให้เส้นไหมเคลื่อนได้
  • ทานยาลดการอักเสบตามที่แพทย์แนะนำ
  • เลี่ยงการนอนคว่ำ นอนตะแคงเพราะอาจทำให้เกิดการกดทับใบหน้า
  • งดกิจกรรมเสริมความงามอื่นๆ บนผิวหน้า เช่นการนวดหน้า ทำทรีทเมนต์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 48 ชม.
  • ไม่ควรอ้าปากกว่าหรือแปรงฟันแรง เพื่อลดการดึงรั้งของหน้า

สรุป

จะเห็นได้ว่า การร้อยไหมเป็นนวัตกรรมการดูแลใบหน้าที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการชะลอริ้วรอยและหยุดความหย่อนคล้อยของผิวหน้าได้จริง ให้ใบหน้าดูตึงกระชับดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด หากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์สำหรับร้อยไหมหน้าเรียว ร้านเวชภัณฑ์ความงามออนไลน์ 44botox ได้รวบรวมไหมสำหรับร้อยไหมยกกระชับหน้า ราคาน่าเป็นเจ้าของ เพียงแอดไลน์มาสอบถาม สามารถเลือกซื้อและรอรับสินค้าที่บ้านหรือเลือกทักสอบถามรายละเอียดการจองคิวรับบริการที่ดีที่สุดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกในเครือ 44botox ได้เลย

เพิ่มเพื่อน
Scroll to Top