Juvelook vs Sculptra เทียบความต่าง Biostimulator ที่เหมาะกับคุณ

ถึงจะอยู่ท่ามกลางคนเป็นร้อย แต่ผู้คนก็จะมองมาที่คุณคนเดียว เข้าถึงเคล็ดลับความสวยนี้ด้วย Juvelook vs Sculptra อยากสวยแบบไหน? อยากมีคนพูดถึงแบบใด? และอยากโดดเด่นแค่ไหน? ต้องรีบมาทำความรู้จักกับผู้ช่วยฟื้นคืนผิวเด็กจากภายในสู่ภายนอกด้วย Biostimulator ที่เอาอยู่เรื่องผิวสวยทุกช่วงวัย 44botox แหล่งรวมเวชภัณฑ์ของแท้ราคาถูกเกินคุณภาพ จะพาไปดูว่า Sculptra คืออะไร? Juvelook คืออะไร? juvelook vs sculptra ต่างกันยังไง? เลือกใช้ตัวไหนดี? มาหาคำตอบกัน!

Juvelook vs Sculptra

Biostimulator คืออะไร? Juvelook vs Sculptra ต่างกันอย่างไร?

ก่อนจะไป Wow กับความแตกต่างของ Juvelook vs Sculptra มาแวะทำความรู้จักกับ สารกระตุ้นคอลลาเจนหรือ Biostimulator คืออะไรกันก่อน จะได้รู้ว่าพิเศษยังไง? ทำไมมีแต่คนเลือกใช้เยอะมาก! biostimulator ช่วยอะไรได้บ้าง? ดังนี้ 

การทำงานของ Biostimulator 

Juvelook vs Sculptra เป็น Biostimulator ทั้ง 2 ตัว ที่ได้รับความนิยมสูง! โดยเป็นตัวช่วยฟื้นคืนผิวที่เสื่อมไปตามกาลเวลาให้กลับมาดูดีขึ้นและช่วยกระตุ้นคอลลาเจน type 1, คอลลาเจน type 3, อิลาสติน, ไฮยารูโรนิครวมถึงระบบ Proteoglycan และ Angiogenesis ในร่างกาย อย่างตัวสครัปตร้าเมื่อฉีดเข้าไปแล้วกรด  PLLA หรือ Poly-L-Lactic ในไบโอสติมูเลเตอร์จะทำงานตามกระบวนการ เข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนที่เรียกว่า fibroblast เพื่อให้เส้นใยในร่างกายจะมีการปรับโครงสร้างใหม่ด้วยตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

สารต่างๆ ทั้งในสครัปตร้าและจูวีลุคที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย จะช่วยเสริมกระบวนการเติมเต็มและฟื้นฟูโครงสร้างผิวใหม่ กระตุ้นกระบวนการทำงานให้ผิวแข็งแรงอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มการกระตุ้น คอลลาเจน type 1 และคอลลาเจน  type 3 อย่างเต็มที่! จึงส่งผลดีต่อผิวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ให้ผลลัพธ์ฟื้นคืนผิวได้อย่างน่าทึ่ง! ดูเด็ก, ดูดีและหน้าตาดูหน้ามองยิ่งกว่าเดิมมาก!

Juvelook vs Sculptra ที่เป็น biostimulator ช่วยอะไร? หลังจากการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือไบโอสติมูเลเตอร์เข้าไปในร่างกายแล้ว ก็รอรับความสวยฉบับใหม่ภายในเวลาเพียง 1-3 เดือน จากผิวที่มีริ้วรอยหรือมีปัญหาเหี่ยวย่นก็จะเริ่มกลับมาดูเต่งตึงขึ้น, ริ้วรอยเล็กๆ ดูจางลง, รูขุมขนเรียบเนียน, ผิวนุ่มน่าสัมผัสและช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรอีกด้วย ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเรื่องผิวอย่างชัดเจน ทำให้คุณกลายเป็นคนใหม่ที่ดูสดใสกว่าเดิม จนใครๆ ก็อยากเข้ามาทำความรู้จัก! นอกจากนี้ยังส่งผลดีกับระบบการทำงานในร่างกาย ทำให้สุขภาพผิวอ่อนเยาว์ลง 10 ปี แม้ผิวเสียสะสมมานานก็กลับมาปังได้!          

สภาพผิวแบบไหนควรใช้ Biostimulator 

สารกระตุ้นคอลลาเจนนอกจากช่วยเรื่องหน้าเด็กแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า การฉีด Biostimulator ยังมีส่วนช่วยในเรื่องผิวอีกมากมาย ก่อนจะไปฉีด Juvelook vs Sculptra มาตรวจเช็กกันก่อนว่า สภาพผิวแบบไหน? ควรใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนหรือไบโอสติมูเลเตอร์

  • ผิวที่หย่อนคล้อยไม่ตึงกระชับเหมือนเคย อันมาจากอายุที่มากขึ้นและการใช้งานผิวโดยไม่ได้รับการดูแลมานาน
  • ผิวที่มีริ้วรอยแห่งวัยหรือมีร่องลึก ที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุอย่างเห็นได้ชัด
  • ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น, ผิวแห้งกร้านเหมือนขาดการบำรุง 
  • ผิวที่ขาดการดูแลเอาใจใส่มานาน 
  • ผิวของผู้ที่อายุเกิน 25 หรือกำลังจะย่างเข้าเลข 3 แต่ต้องการปกป้องผิวอ่อนเยาว์เอาไว้ 

Biostimulator Juvelook (จูวีลุค) ดีไหม? 

Juvelook ราคา

Juvelook vs Sculptra คุณสมบัติแตกต่างกันแค่ไหน? มาเริ่มจาก ทำความรู้จัก Juvelook (จูวีลุค) กันก่อน จูวีลุคถือเป็นคอลลาเจนไบโอสติมูเลเตอร์ เคล็ด (ไม่) ลับผิวเด็ก ผิวสวยของสาวเกาหลี ที่ช่วยจัดการทุกปัญหาผิวได้แบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหา รูขุมขนกว้าง, ผิวหน้าแห้งกร้านหรือปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม ดูไม่สดชื่น ถ้าถามว่า ฉีด Juvelook ดีไหม? ตอบตรงนี้เลยว่าดีแน่นอน 100%! เผยหน้าสดได้อย่างชิลล์ไม่กลัวโทรม ให้ผิวฟูและดูฉ่ำน้ำแบบ Glass skin เปลี่ยนผิววัย 25+ ให้กลับมาเป็นผิวเด็กสาวแรกรุ่นวัย 14 ได้อีกครั้ง!

Juvelook (จูวีลุค) คืออะไร 

Juvelook vs Sculptra มีดีกันคนละแบบ ถ้าใครอยากรู้จักว่า Juvelook คืออะไร? ก็คือสารกระตุ้นคอลลาเจนที่เกิดได้เองตามธรรมชาติ เรียกว่า  Hybrid Biostimulator อัดแน่นไปด้วยสารสกัดที่จะช่วย Boots ผิวแบบ x10 จากประเทศเกาหลี ผลิตจากกระบวนการที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองระดับสากลทั้ง FDA และ CE ฉีดผิวสวยได้ทั่วทุกจุดบนใบหน้าอย่างมั่นใจ! ใช้ได้อย่างปลอดภัยไม่ทิ้งสารตกค้าง ไม่มีสารก่อให้เกิดมะเร็ง ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง! ยืน 1 เรื่องฉีดบำรุงผิวให้สวยจากภายใน แถมช่วยเบลอรูขุมขนได้อย่างเนียน ใครอยู่ใกล้แค่ไหนก็ไม่มีหวั่น แถมเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวดูดี เติมความสดใสให้ผิวได้อย่างล้ำลึก! 

Juvelook คือ

ส่วนประกอบสำคัญใน Juvelook 

สำหรับ Juvelook vs Sculptra มีส่วนประกอบที่แตกต่างกัน สำหรับส่วนประกอบสำคัญใน Juvelook นั้นอัดแน่นไปด้วยอาหารผิวแบบจัดเต็ม! นอกจากจะมี  Poly D และ L-Lactic Acid ยังมี Hyaluronic Acid หรือ HA แบบ 2 in 1 มีความบริสุทธิ์สูงและปลอดสารอันตราย สารสกัดสุดพรีเมียมใน Juvelook เป็นสัดส่วนที่ลงตัว ผ่านการคิดค้นและงานวิจัยว่าช่วยดูแลผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใครได้ใช้ก็ได้รับผิวสวย! คงทน! ยาวนาน! ถึง 18 เดือน

คุณสมบัติเด่นของ Juvelook

Juvelook vs Sculptra มีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดย Juvelook จะมีคุณสมบัติโดดเด่น ดังนี้  

  • มีส่วนผสมของ PDLLA และ HA จึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ! ทำให้ผิวดูเต่งตึงอ่อนเยาว์
  • Juvelook สามารถฉีดเน้นเฉพาะจุดได้ทุกบริเวณ เช่นใต้ตา, แก้มส้ม, ร่องน้ำตาและหน้าแก้ม เป็นต้น 
  • ช่วยเติมเต็มร่องลึก, ริ้วรอยทั่วใบหน้ารวมถึงร่องใต้ตา 
  • ช่วยยกกระชับผิว, กระชับรูขุมขนและช่วยทำให้รูขุมขนตื้นขึ้น 
  • ช่วยลดริ้วรอยและรอยแผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว, รอยจากการเลเซอร์, หลุมสิวแม้แต่รอยแตกลายบนผิวหนัง
  • Juvelook vs Sculptra ทำหน้าที่เหมือนกันตรงที่ ช่วยให้ผิวสุขภาพดีทั้งจากภายในและภายนอก ผิวใสเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
  • Juvelook ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกันทั่วร่างกาย
  • จูวีลุคออกฤทธิ์ได้ยาวนานโดยไม่ต้องกระตุ้น ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานสุดถึง 2 ปี

Biostimulator Sculptra (สครัปตร้า) ดีไหม? 

Sculptra ราคา

Juvelook vs Sculptra เป็นเคล็ดลับดูแลผิวสำหรับว่าที่คนสวยทุกคนควรทำความรู้จัก โดยเฉพาะตัว Sculptra (สครัปตร้า) ที่สาวๆ ไม่ควรพลาด ถือเป็นตัวช่วยทำให้ผิวสวยได้ดั่งใจ! ขึ้นแท่นว่าเป็น Choice อันดับ 1 ในเรื่องของ The First & Original Collagen เป็น Biostimulator ที่ช่วยฉีดบำรุงผิวที่มอบความเปลี่ยนแปลงเรื่องผิวได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ผิวดูดี มีออร่าจากภายในสู่ภายนอก รับประกันความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบควบคุมจาก US FDA จึงใช้ฉีดเข้าชั้นผิวได้อย่างปลอดภัย จะได้ทดแทนคอลลาเจนที่เสียไปตามช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ!

Sculptra (สครัปตร้า) คืออะไร 

ถ้ายังไม่รู้จัก Juvelook vs Sculptra ว่ามีดีแตกต่างกันแบบไหน? รีบมาส่องด่วน ก่อนอื่นมาทำความรู้จักว่า Sculptra คืออะไรกันก่อน ก็คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากประเทศอเมริกา ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ถึงชั้นผิวอย่างล้ำลึก! ด้วยอนุภาคขนาดเล็กทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี, เห็นผลไว, ฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครผิวพังมานานอยากเปลี่ยนผิวตัวเองให้ดูดี! ดูปัง! เห็นผลลัพธ์ผิวสวยได้ภายใน 3 เดือน! แนะนำเลือกใช้ตัวนี้ได้เลย

Sculptra คือ

ส่วนประกอบสำคัญใน Sculptra 

สำหรับ Juvelook vs Sculptra มีส่วนประกอบสำคัญที่แตกต่างกัน โดยใน Sculptra จะมี Poly-L-Lactic Acid เป็น Biostimulator ที่ปลอดภัยต่อร่างกาย ทำงานผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวมีความสามารถในการกักเก็บน้ำ, ผิวแข็งแรงขึ้นและผิวยกกระชับได้อย่างดีเยี่ยม!

คุณสมบัติเด่นของ Sculptra

Juvelook vs Sculptra มีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดย Sculptra จะมีคุณสมบัติเด่นดังนี้

  • Juvelook vs Sculptra มีคุณสมบัติเด่นที่คล้ายกันตรงที่ ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก, ช่วยปรับโครงสร้างผิวจากภายใน, เน้นให้ผิวมีป้อมปราการที่แข็งแรง ทำให้ไม่ระคายเคืองง่ายและผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายเหมือนเคย 
  • Sculptra ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึง, อิ่มฟู, กระชับและไม่หย่อนคล้อย 
  • ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว, สลายความหมองคล้ำและทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ 
  • ช่วยจัดการริ้วรอยได้ทั่วใบหน้า
  • ช่วยให้ผิวอิ่มฟู, ฉ่ำน้ำมีความยืดหยุ่น 
  • ให้ผลลัพธ์ผิวสวยนานสุดถึง 2 ปี

Juvelook vs Sculptra ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกฉีดตัวไหนดี? 

เมื่อได้รู้จักจูวีลุคและสครัปตร้าแล้ว มาดูกันต่อว่า juvelook vs sculptra ต่างกันยังไง? 44botox จะพาไปเปรียบเทียบความแตกต่างของ Juvelook vs Sculptra ให้เห็นกันชัดๆ จะได้คลายความสงสัยและเลือกฉีดตัวที่ตรงกับต้องการได้ดีกว่าเดิม!  

การทำงานของ Juvelook 

Juvelook vs Sculptra มีการทำงานแตกต่างกัน! โดย Juvelook จะทำงานด้วยกรด PDLLA และ HA ใช้ฉีดปรับสภาพผิวและเติมเต็มผิวได้ในเวลาเดียวกัน ออกฤทธิ์ด้วยสารชีวภาพ PCL (Ploycaprolactone) ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยต่อร่างกาย ตอบโจทย์สำหรับคนที่ผิวอ่อนแอ, ปราการผิวไม่แข็งแรง, ผิวมีริ้วรอยหรือหลุมสิว ต้องการคืนความเรียบเนียนให้ผิวหน้าแบบขั้นสุด!

การทำงานของ Sculptra  

การทำงานของ Juvelook vs Sculptra ไม่เหมือนกันตรงที่ Sculptra จะออกฤทธิ์ด้วยสารสังเคราะห์ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ที่ร่างกายสามารถย่อยสลายเองได้ เพื่อเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย แก้ไขปัญหา ริ้วรอย, ผิวเหี่ยวย่น, ผิวขาดการดูแล, โครงสร้างผิวไม่แข็งแรงและผิวขาดความยืดหยุ่น! หากมีปัญหาริ้วรอยเยอะมากหรือผิวไม่กระชับ ฉีด Sculptra ถือว่าตอบโจทย์! จะได้ดูสวยแพง ไร้ริ้วรอยมากวนใจ!

Juvelook vs Sculptra

เทียบ Juvelook vs Sculptra ในเรื่องราคาแบบไหนคุ้มค่ากับคุณ 

ความแตกต่างเรื่องราคาของ Juvelook vs Sculptra ต่างกันมากไหม? เลือกใช้ตัวไหนดี? ที่ 44botox วางจำหน่าย Sculptra ราคาไม่แพงและ Juvelook ราคาเบาๆ หากพึ่งเริ่มมีปัญหาผิว, ปัญหาริ้วรอยหรือมีปัญหาผิวเสียสะสมมานาน สามารถเลือกใช้ Biostimulator ที่ปลอดภัย เพื่อดูแลความสวยของคุณตามงบประมาณได้เลย ที่ 44botox วางจำหน่ายในราคาและโปรโมชันดังนี้ 

เทียบ Juvelook vs Sculptra ในเรื่องระยะเวลาเห็นผลลัพธ์ แบบไหนยาวนานกว่า 

ระหว่าง Juvelook vs Sculptra ตัวไหนที่เห็นผลรวดเร็วและยาวนานกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดด้วย! โดยมีระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ ดังนี้

  • สำหรับ Juvelook หลังจากฉีดไปแล้วจะเห็นผลชัดเจนภายใน 1-2 เดือน ให้ผลลัพธ์ระยะยาวนานสุดถึง 2 ปี
  • ส่วน Juvelook หลังจากฉีดไปแล้วจะเห็นผลชัดเจนภายใน 2-3 เดือน ให้ผลลัพธ์ระยะยาวนานสุดถึง 2 ปี เช่นกัน 

ข้อห้ามและข้อควรระวัง Juvelook vs Sculptra 

Juvelook vs Sculptra มีข้อห้ามและข้อควรระวังอะไรบ้าง? มาดูกัน 

  • Juvelook : ก่อนจะตัดสินใจฉีด Juvelook ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ความงาม รวมถึงแจ้งเรื่องโรคประจำตัว, ประวัติการแพ้ยาหรือสารสกัดต่างๆ ด้วย เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหรือผลข้างเคียงของร่างกายหลังฉีด ที่สำคัญก่อนฉีด ให้งดวิตามินหรืออาหารเสริมทุกชนิดที่มีฤทธิ์เกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย 
  • Sculptra : ก่อนจะตัดสินใจฉีด Sculptra ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเวชภัณฑ์ความงามอย่างละเอียด รวมทั้งควรแจ้งประวัติการแพ้ต่างๆ ก่อนฉีด! สำหรับข้อห้ามสำคัญก่อนใช้ Scluptra ก็คือ คนที่แพ้ Poly-L-lactic acid, Carboxymethylcellulose และ Non-pyrogenic mannitol หรือมีภาวะ SLE ไม่ควรฉีด!

การดูแลตัวเองหลังทำ Biostimulator 7 วันแรก

Juvelook vs Sculptra เลือกตัวไหนก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี! หลังจากทำ Biostimulator 7 วันแรก เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรดูแลตัวเองหลังทำ ดังนี้ 

  • หลังฉีดทันที 12 ชั่วโมงแรก ให้งดการแต่งหน้ารวมถึงการลงสกินแคร์
  • งดการทำหัตถการอื่นๆ เช่น ฉีดฟิลเลอร์, ฉีดเมโสหรือฉีดแฟต อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ 
  • ถ้าหากเกิดอาการบวมมากหลังทำ Biostimulator สามารถประคบเย็นได้ ห้ามประคบร้อนเด็ดขาด 
  • เลี่ยงการอยู่ใกล้กับความร้อนหรือแสงแดดหลังฉีด

สรุป 

Juvelook vs Sculptra เลือกตัวไหนก็ช่วยให้คุณมีผิวสวยโดดเด่น! ดูดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดตาหรือขัดใจเวลาส่องกระจก! ถึงจะลืมทำผมหรือลืมแต่งหน้า ก็พร้อมออกบ้านได้อย่างมั่นใจ หน้าสดแค่ไหนก็รอด! อยากให้ผิวแข็งแรง, มีความยืดหยุ่น, ยิ้มได้กว้างแบบไม่กังวลเรื่องริ้วร้อย เลือกซื้อเวชภัณฑ์ของแท้ราคาถูกใจทุกเพศทุกวัยที่ 44botox จะได้ดูแลตัวเองด้วยการทำ Biostimulator จากแบรนด์ดังได้อย่างมั่นใจเกิน 100%! สั่งที่ 44botox ไว้ใจได้ ได้รับของแท้แน่นอนและรับประกันราคาสุดคุ้มค่า! ถ้าอยากสวยตั้งแต่เดือนนี้และพร้อมจ่ายเพื่อเติมเต็มความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว ติดต่อขอคำปรึกษาได้ฟรี! ว่าควรเลือกใช้ตัวไหนดี? ผ่านช่องทางออนไลน์เมื่อคุณสะดวก แล้วคุณจะมีแต่คนพูดถึงไม่หยุด! โดดเด่นแบบ Star และทุกสายตาต่างจับจ้องมองมาที่คุณ!

เพิ่มเพื่อน
Scroll to Top