เมโสหน้าใส หัตถการงานผิว ฉีดกี่ครั้ง? บ่อยแค่ไหน? เจ็บไหม?

สารบัญเนื้อหา 44Botox

ปัจจุบันการทำเมโสหน้าใส เป็นหัตถการอันดับแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เมื่อต้องการทางลัดในการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกจากภายใน ตัวช่วยปรับสมดุลผิวให้กลับมาแข็งแรง แก้ไขปัญหาผิวได้ลึกถึงต้นตอ แต่ถ้าคุณไม่เคยฉีดเมโสหน้าใสมาก่อน อาจตามมาด้วยความสงสัยมากมาย เช่น การฉีดเมโสหน้าใสคืออะไร?, ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บไหม? เมโสฉีดบ่อยแค่ไหน? กี่วันเห็นผล? มีหลักการทำงานอย่างไร? ควรเลือกยี่ห้อไหนดี? 44botox จะมาช่วยไขข้อข้องใจให้ครบทุกประเด็น เพื่อให้สามารถเตรียมตัวก่อนฉีดได้อย่างเหมาะสมและแก้ไขปัญหาผิวที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างตรงจุด

เมโสหน้าใส

หัตถการงานผิวยอดนิยมอย่างการทำเมโสหน้าใสคืออะไร?

เมโสหน้าใสหรือการเมโสหน้าใสคือ การทำ Treatment (Mesotheory) ด้วยการฉีดสารอาหาร วิตามินหรือสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรงบริเวณชั้นเมโสหรือผิวชั้นกลาง เพื่อฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างตรงจุด ทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส ปัญหาสิว ฝ้า กระแลดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวแลดูสม่ำเสมอรวมถึงช่วยลดการอักเสบของเซลล์ผิว ขับสารพิษสะสมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการทาครีมบำรุงที่ดูดซึมได้เพียงผิวชั้นนอกมากถึง 3-5 เท่า

ก่อนใช้ เมโสหน้าใส ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

การฉีดเมโสหน้าใสไม่มีข้อควรระวังหรือการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เหมือนกับการทำหัตถการรูปแบบอื่นๆ เพียงแต่คุณจำเป็นต้องแจ้งประวัติการแพ้ยา, สารบำรุง, สารเคมีหรือสารวิตามินต่างๆ ประวัติด้านสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดรวมถึงปัญหาผิวที่ต้องการการแก้ไขหรือมีจุดประสงค์ในการทำเมโสเพื่อหวังผลลัพธ์ด้านใด

หัตถการเมโสหน้าใส ทำงานอย่างไร แบ่งตามปัญหาผิว

สำหรับหลักการทำงานของเมโส คือ การฉีดสารสำคัญลงไปยังชั้นผิวเพื่อฟื้นฟู บำรุงและซ่อมแซมความเสียหายของผิวที่มีผลมาจากหลายปัจจัย เช่น มลภาวะ, สิ่งสกปรก, สารระคายเคืองและความเสื่อมสภาพของเซลล์ โดยจะใช้สารสำคัญแตกต่างกันไปตามปัญหาของผิว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1. เมโสผิวขาว

เมโสผิวขาวรายละเอียด
เมโสผิวขาวช่วยอะไรบ้าง?ปรับผิวให้ดูสว่างกระจ่างใสขึ้น
เหมาะกับใคร?คนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ อันมีสาเหตุมาจากการนอนดึก ดื่มน้ำน้อย, ความเครียด, พฤติกรรมการใช้ชีวิต, สภาพแวดล้อม, สภาพอากาศ, อายุหรือช่วงวัยที่เพิ่มมากขึ้นคนที่ต้องการต้องการปรับผิวให้สว่างกระจ่างใสได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ
ประเภทของวิตามินที่ใช้วิตามินเอ, วิตามินบี, วิตามินซี, วิตามินอีและกลูต้าไธโอน
ฉีดเมโสผิวขาวตัวไหนดี?AXO BRIGHTENING SKIN BOOSTER, Filorga, Neo Glutanex Glow, Revs และ Depigment

2. เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใสรายละเอียด
เมโสหน้าใสช่วยอะไรบ้าง?เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวช่วยให้ผิวแลดูอิ่มฟูและดูสุขภาพดีกระชับรูขุมขนกระตุ้นให้ผิวแข็งแรงขึ้น
เหมาะกับใคร?คนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง, ทำงานหนักและนอนดึกบ่อยคนที่มีปัญหาสุขภาพผิวคนที่ต้องการกู้ปัญหาผิวโทรมให้กลับมาสดใสได้เร็วกว่าการทาครีมบำรุงคนที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยและจุดด่างดำ
ประเภทของวิตามินที่ใช้คอลลาเจนและโคเอนไซม์ต่างๆ
ฉีดเมโสหน้าใสตัวไหนดี?AXO GLASS SKIN BOOSTER, NCTF 135 HA, Rejuran และชาแนล L’ebss

3. เมโสลดสิว-ผดผื่น

เมโสลดสิว-ผดผื่นรายละเอียด
เมโสลดสิว-ผดผื่นช่วยอะไรบ้าง?ช่วยในเรื่องขับสารพิษออกจากผิว ลดการอักเสบและช่วยในเรื่องการลดสิว
เหมาะกับใคร?คนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง, ผิวแพ้ง่ายและเป็นผดผื่นง่ายคนที่มีผิวโทรมหรือผิวดูไม่สดใส
ประเภทของวิตามินที่ใช้มัลติวิตามินและคอลลาเจน
ฉีดเมโสลดสิว-ผดผื่นตัวไหนดี?Made Collagen, Derma Glow, Mezo Celeb

หัตถการเมโสหน้าใส มีวิธีการฉีดแบบไหนบ้าง?

การใช้เมโสหน้าใสจะมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ แบบทาและแบบฉีด โดยแบบฉีดจะได้รับความนิยมสูงกว่า เนื่องจากสามารถดูดซึมวิตามินได้ดี ออกฤทธิ์ไวและเห็นผลได้ชัดเจนกว่าแบบทา

1. แบบทา

เป็นการทาสารสกัดหรือวิตามินต่างๆ เหมือนครีมบำรุงทั่วไป เมื่อร่างกายดูดซึมตัวยาลงสู่ผิวชั้นนอกจะให้ผลลัพธ์ตามต้องการได้ เช่น ปรับผิวให้สว่างกระจ่างใสหรือลดผดผื่น แต่ประสิทธิภาพด้อยกว่าเมโสแบบฉีดมาก เพราะดูดซึมค่อนข้างช้าและใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล

2. แบบฉีด

เป็นการฉีดสารบำรุงหรือวิตามินต่างๆ เข้าสู่ผิวโดยตรง ส่งผลให้ออกฤทธิ์ไว เห็นผลแบบเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเมโสแบบทา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการทำด้วยว่าจะให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไง? รวดเร็วแค่ไหน? มีผลข้างเคียงหรือไม่? ซึ่งเทคนิคการฉีดมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ

2.1. การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มในการฉีดตัวยาให้กระจายเป็นจุดเล็กๆ ทั่วใบหน้าในระดับผิวหนังชั้นตื้น  เพื่อหวังผลในการกระตุ้นคอลลาเจน แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะหากระหว่างการฉีดไม่มีการรักษาความสะอาดเพียงพอ อาจทำให้เสี่ยงติดเชื้อหรือมีผลข้างเคียงอย่างการเกิดผื่นแดงจากรอยเข็มหรือมีรอยช้ำได้

2.2. การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด

เป็นเทคนิคการฉีดโดยใช้เข็มฉีดตัวยาให้กระจายเป็นจุดเล็กๆ ทั่วใบหน้าเช่นเดียวกัน แต่เป็นการฉีดลงบริเวณผิวชั้นกลางตามทิศทางการไหลของต่อมน้ำเหลือง 16 จุด ส่งผลให้ตัวยาสามารถกระจายสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างเต็มที่ ออกฤทธิ์ได้ยาวนานขึ้นและมีผลข้างเคียงหรือเกิดรอยช้ำน้อยกว่าการฉีดเมโสแบบสะกิด

4 อันดับ เมโสหน้าใสยอดนิยม เลือกยี่ห้อไหนดี? ถึงตรงความต้องการ!

ตามหลักแล้วการเลือกเมโสหน้าใสยี่ห้อไหนดี? ก่อนฉีด Meso หน้าใสนั้น ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน 100% เพราะจำเป็นต้องผ่านการลงความเห็นจากแพทย์เสียก่อนว่า ผิวหน้าของคุณเหมาะกับเมโสชนิดไหน? โดยแพทย์จะประเมินตามปัญหาผิว โรคประจำตัวหรือยาที่กินอยู่เป็นประจำของแต่ละบุคคลด้วย

แต่ทั้งนี้ก็สามารถนำ 4 อันดับเมโสยอดนิยมเหล่านี้ไปใช้ในการขอคำปรึกษาจากแพทย์เพิ่มเติมได้ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเลือกฉีดสารที่ตรงกับปัญหาของตนเองและมีความปลอดภัยสูงสุด

เมโสหน้าใส

1. เมโสหน้าใส REJURAN

REJURANรายละเอียด
REJURAN เหมาะกับใคร?คนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าคนที่ต้องการปรับผิวให้สว่างกระจ่างใสและฉ่ำวาวคนที่ต้องการผิวเรียบเนียนและต้องการให้รูขุมขนกระชับยิ่งขึ้นคนที่มีปัญหาหลุมสิวหรือรอยแผลเป็นคนที่มีผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น
ส่วนผสมหลักสารโพลีนิวคลีโอไทด์ที่สกัดจาก DNA ปลาแซลมอน
คุณสมบัติเด่นช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใส กระชับ เรียบเนียนสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ช่วยทำให้ผิวอิ่มน้ำ แลดูอ่อนกว่าวัยช่วยลดการเกิดสิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นขึ้นได้ช่วยลดหลุมสิว

2. เมโสหน้าใสชาแนล L’ebss

ชาแนล L’ebssรายละเอียด
ชาแนล L’ebssเหมาะกับใคร?คนที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้นคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ, จุดดำหรือจุดแดงรวมถึงฝ้า  กระกวนใจคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าแบบเร่งด่วนคนที่มีปัญหาร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้า
ส่วนผสมหลักกรด Hyaluronic, Pink ยีสต์หรือสารสกัดยีสต์จากดอกซากุระ, เปปไทด์ 14 ชนิด, กรดอะมิโนและกลูต้าไธโอน
คุณสมบัติเด่นช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้นช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวช่วยให้ผิวมีความเต่งตึง ยืดหยุ่นและริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้นได้ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสฉ่ำวาวช่วยให้รูขุมขนเล็กลงช่วยบำรุงใต้ตาคล้ำให้กลับมาสดใส

3. เมโสหน้าใส FILLMED NCTF 135 HA

FILLMED NCTF 135 HAรายละเอียด
FILLMED NCTF 135 HA เหมาะกับใคร?คนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น คนที่มีปัญหาใบหน้าเหี่ยวโทรม ผิวขาดความตึงกระชับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องตื้น ผู้ที่ต้องการซ่อมแซม ฟื้นฟูผิวเสียสะสม ใบหน้าหน้าหมองคล้ำ รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ
ส่วนผสมหลักกรด Hyaluronic (HA) เข้มข้นแท้ 100%, สารแอนติออกซิแดนท์ 2 ชนิด, กรดอะมิโน 24 ชนิด, วิตามินรวม 14 ชนิด เช่น วิตามินเอ บี ซี และ อี
คุณสมบัติเด่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยคุณสมบัติเด่นของ HA ช่วยให้ผิวหน้าสดใส ฉ่ำวาวช่วยลดริ้วรอย ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้ดูกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ เสริมสร้างคอลลาเจน ยับยั้งสาเหตุการก่อตัวของรอยด่างดำ ช่วยแก้ปัญหารอยคล้ำจากเม็ดสีความลึกใต้ตา

4. เมโสหน้าใส AXO GLASS SKIN BOOSTER

AXO GLASS SKIN BOOSTERรายละเอียด
AXO GLASS SKIN BOOSTER เหมาะกับใคร?คนที่มีปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้าคนที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวขาดความตึงกระชับและมีความหย่อนคล้อยคนที่มีปัญหาริ้วรอย แผลเป็นและหลุมสิว
ส่วนผสมหลักสารสกัดจากยีสไฮโดรไลท์, กรด Hyaluronic, เปปไทด์ 15 ชนิด, กรดอะมิโน 18 ชนิด, วิตามินรวม 10 ชนิด, Growth Factor และกลูต้าไธโอน
คุณสมบัติเด่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวช่วยให้ผิวหน้าสดใส ฉ่ำวาวช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยช่วยกระชับรูขุมขนช่วยลดการอักเสบของผิวช่วยลดสิวและการระคายเคืองปรับผิวให้ดูกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำช่วยเพิ่มความตึงกระชับให้แก่ผิว

ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บไหม? ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน กี่วันเห็นผล?

เมโสหน้าใส

ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บไหม?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดวิตามินหรือสารสำคัญลงไปยังผิวชั้นกลาง ซึ่งใช้เวลาไม่นานและปริมาณตัวยาไม่มาก จึงเป็นการลงเข็มโดยไม่ฉีดยาหรือแปะยาชาก่อน ทำให้ระหว่างการฉีดอาจรู้สึกเจ็บ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้

ต้องเมโสฉีดบ่อยแค่ไหน? เมโสหน้าใสกี่ครั้งเห็นผล?

เมโสฉีดบ่อยแค่ไหน? โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนจะลดเหลือ 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อคงสภาพ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการของแต่ละคนด้วย

ฉีดเมโสหน้าใสอยู่ได้นานแค่ไหน? กี่วันเห็นผล?

หลังฉีดเมโสหน้าใส จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงด้านผิวขาวกระจ่างใส ริ้วรอยดูจางลงหรือใบหน้ามีความสดใสมากขึ้นได้ภายใน 3 วัน ก่อนจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนอีกครั้งภายใน 7-14 วันและผลลัพธ์จะคงสภาพอยู่ได้นาน 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง

ผลข้างเคียงการฉีดเมโสหน้าใสและวิธีดูแลตัวเองหลังฉีด

การฉีดเมโสหน้าใสนั้นมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อาจมีผลข้างเคียงอย่างมีรอยเข็มให้เห็นบ้างในบางเคส แต่ก็สามารถหายได้เองภายใน 3 วัน แต่ทั้งนี้ต้องเลือกฉีดตัวยาที่ผ่าน อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้วและเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานด้วย เพราะผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ, การแพ้ยาชา, การแพ้ตัวยาเมโส, ผื่นแดงบริเวณรอยเข็มหรือรอยช้ำ มีสาเหตุมาจากการเลือกตัวยาไม่ได้มาตรฐาน, เทคนิคที่ไม่เหมาะสมหรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เป็นต้น

หลังฉีดหน้าใส ดูแลยังไง?

  • งดทาครีมบริเวณรอยเข็มอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง
  • งดการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกแดดแรงๆ เป็นเวลา 48 ชั่วโมง
  • งดนวดหน้าหลังฉีด เพื่อป้องกันตัวยากระจายตัว
  • งดล้างหน้าหลังฉีด 4-6 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวดูดซึมตัวยาได้ดียิ่งขึ้น
  • งดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Whitening
  • สามารถประคบเย็นเพื่ออาการบวมช่วย 48 ชั่วโมงหลังฉีดได้หรือตามคำแนะนำของแพทย์

สรุป

คงได้คำตอบอย่างชัดเจนกันไปแล้วว่าเมโสหน้าใสฉีดกี่ครั้ง? ฉีดบ่อยแค่ไหน? เจ็บไหม? ก็น่าจะทำให้หลายคนได้คำตอบมากยิ่งขึ้นว่า ควรทำหัตถการ Meso หน้าใสเพื่อแก้ไขปัญหาความหมองคล้ำ ริ้วรอยหรือความหย่อนคล้อยบนใบหน้าหรือไม่? หากต้องการปรับเพิ่มความสว่างกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอยและเผยให้ผิวแลดูกระชับเต่งตึง เลือกฉีดเมโสหน้าใสด้วยผลิตภัณฑ์จาก 44botox รับประกันของแท้ส่งตรงจากต่างประเทศ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ ได้ใช้ชีวิตใหม่ ไปพร้อมกับผิวหน้าที่ดูดีน่าภาคภูมิใจ อยากรับความสวยที่ถูกใจมากกว่าแต่ก่อน ขอคำปรึกษาเพื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้ผ่าน Line ได้เลย พร้อมจัดส่งให้ทั่วประเทศไทย รอรับสินค้าที่หน้าบ้านเพื่อใช้บริการกับคลินิกใกล้เคียงหรือสอบถามรายละเอียดจองคิวรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกในเครือ 44botox ก็ได้เช่นกัน พร้อมให้บริการด้วยความจริงใจ มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกทั้งแบบอย.ไทยและอย.นอก  หากลองมาแล้วหลายวิธีที่ไม่ได้ผล ในเรื่องความสวยความงาม ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจหรือยัง? แล้วเลือกปรึกษาวิธีที่ได้ผลกับ 44botox ทันที ไม่ต้องรอ!

เพิ่มเพื่อน
Scroll to Top