เมื่อพูดถึงหัตถการที่ช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย การทำโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์น่าจะเป็นวิธีการแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้คือการทำหัตถการแก้ไขปัญหาริ้วรอยทั้งคู่ แต่มีกลไกการทำงานที่ค่อนข้างแตกต่างกัน การฉีดฟิลเลอร์ต่างกับการฉีดโบท็อกซ์อย่างไรและระหว่างbotox filler ทําอันไหน ก่อนดี? หรือแบบไหนเหมาะกับใคร 44botox จะมาช่วยไขข้อข้องใจ เพื่อการตัดสินใจแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าได้อย่างถูกต้องปลอดภัยเพื่อคืนความสวยสดใสดุจวัยแรกรุ่นให้กับคุณ
ความลับที่ไม่มีใครเคยบอกคุณเกี่ยวกับโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์?
การฉีดโบท็อกซ์ กับ ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดลดริ้วรอยที่หวังผลเรื่อง ทำผิวหน้าให้ดูเต่งตึง กระชับและอ่อนเยาว์ขึ้นเหมือนกัน แต่มีข้อแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในกระบวนการทำงาน เพราะฟิลเลอร์จะเป็นการเติมเต็มสารที่ช่วยกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิวแก้ไขจุดบกพร่องที่เป็นร่องลึก เน้นเสริม! เติมผิวให้ฟู! ส่วนโบท็อกซ์นั้น จะเป็นการฉีดสารสกัดโปรตีนธรรมชาติที่ทำให้ภาวะกล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้รอยเหี่ยวย่นหรือริ้วรอยที่เคยมีเลือนหายไป แถมยังช่วยลดเหงื่อได้อีกด้วย เน้นลด! ปรับหน้าให้เรียวและทำให้หน้าเล็กลงได้จริง!
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการชะลอวัยหรือดูแลผิวด้วยวิธีไหน ทั้ง 2 วิธีนี้ต่างก็มีความลับในการใช้ที่เหมือนกัน คือควรเลือกใช้โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีการรับรองความปลอดภัย เพราะการทำหัตถการเกี่ยวกับใบหน้าจำเป็นต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์เป็นอย่างมาก ไม่ควรตัดสินใจทำด้วยตัวเอง
ควรเลือกฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง! ทั้งนี้เรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก หากที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์มีการเก็บรักษาเป็นอย่างดี ก็จะช่วยคงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิ์ภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อนำมาใช้ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานยิ่งกว่า
เทียบ โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร? เลือกฉีดอะไรก่อนดี?
โบท็อกซ์ (Botox)
โบท็อกซ์ คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Botulinum Toxin A เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ตัวยาจะไปควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดให้ทำงานลดลง ฉีดโบท็อกเพื่อช่วยลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า นิยมฉีดเพื่อลดรอยตีนกา, รอยย่นระหว่างคิ้ว, รอยย่อนหน้าผาก, ลดกรามและสามารถปรับรูปหน้าเรียว เป็นต้น
ฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ซึ่งโดยปกติร่างกายของคนทุกคนมีสารตัวนี้อยู่แล้วในผิวหนัง แต่จะลดน้อยลงเมื่อมีอายุมากขึ้น ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ ก็คือ การเติมเต็มส่วนที่เป็นร่องลึกให้กลับมาตื้นขึ้น หลังฉีดจะทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่น, ชุ่มชื้น, ฉ่ำวาวและริ้วรอยดูลดลง จุดที่นิยมฉีด เช่น ฉีดร่องแก้ม,ร่องใต้ตา, ริมฝีปาก, เสริมคางหรือขมับตอบ เป็นต้น
ระหว่างโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ควรทำอะไรก่อน
เมื่อทราบแล้วว่าโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์มีการทำงานแตกต่างยังไง? ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า ควรทำอะไรก่อนดี? หากคิดจะเริ่มฉีดลดริ้วรอยบนใบหน้าและอยากรู้ว่าฉีด filler กับ botox พร้อมกันได้ไหม? คำตอบคือสามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์ก่อนว่า ปัญหาผิวหน้าแบบนี้ควรแก้ไขด้วยวิธีแบบไหน? ตามลำดับก่อนหลัง ถึงจะเห็นผลลัพธ์และปลอดภัยมากที่สุด จะทำให้ได้รับการหัตถการผิวที่ถูกต้อง เหมาะกับสภาพผิวมากที่สุด
ก่อนใช้ โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ปริมาณการใช้ต่างกันแค่ไหน จุดไหนควรใช้กี่ CC?
เรื่องน่ารู้ของโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องปริมาณในการใช้ตัวยาในแต่ละจุด จะมีหน่วยที่ใช้ไม่เหมือนกัน อย่าง Botox จะใช้ค่าปริมาณเป็นหน่วย Unit ส่วน Filler จะใช้ค่าปริมาณเป็นหน่วย cc หรือ ml. ไปดูกันต่อว่า การฉีดแต่ละจุดควรใช้ปริมาณเท่าใด?
ปริมาณการใช้โบท็อกซ์
- ลดริ้วรอยทั่วหน้า : 50-80 units
- ลดกราม : 50-100 units
- ลิฟหน้าเรียว : 30-50 units
- ลดเหงื่อรักแร้, ลดน่อง : ข้างละ 100 units
ปริมาณการใช้ฟิลเลอร์
- ขมับ : 2-4 cc
- ใต้ตา : 1-2 cc
- แก้มส้ม : 2-3 cc
- ร่องแก้ม : 1-2 cc
- ปาก : 1-2 cc
- คาง : 1-2 cc
โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ เหมาะกับใครบ้าง นิยมฉีดกันจุดไหน?
การฉีดโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์เหมาะกับใคร? และนิยมฉีดลดริ้วรอยที่จุดไหนกันบ้าง? ตามมาดูกันให้ชัดๆ จะได้มั่นใจมากขึ้น ว่าควรเลือกใช้ดีไหม? แล้วฉีดจุดไหนดี? ถ้าเลือกทำได้ถูกต้องก็จะสามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ดังนี้
การฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใคร
1. ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยตีนกา, รอบดวงตา, หางตา, หน้าผาก, หว่างคิ้ว
2. ผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยร่องลึกในอนาคต
3. ผู้ที่ต้องการลดขนาดกราม กรอบหน้าไม่ชัด
4. ผู้ที่ต้องการปรับหน้าเรียว แต่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่สะดวกพักฟื้น
ตำแหน่งที่นิยมฉีดโบท็อกซ์
จุดที่ฉีดแล้วได้ผลดี ได้แก่ ลดกราม, ลิฟหน้า, หางตา, หน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, ลดโหนกแก้ม, ปีกจมูก, รักแร้, ลดน่องและแขน
การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร
1. ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้าและเติมเต็มร่องลึกแบบเห็นผลเร่งด่วน!
2. ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิวสดใส ฉ่ำวาว
3. ผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้น
4. ผู้ที่ต้องการรักษาใบหน้าให้คงความอ่อนเยาว์ ลดการเกิดริ้วรอยในอนาคต
ตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์
จุดที่ฉีดแล้วได้ผลดี ได้แก่ ใต้ตา, คาง, ร่องแก้ม, ปาก, ขมับ, หน้าผากและจมูก
โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ฉีดกี่วันถึงเห็นผล ตัวไหนเห็นผลลัพธ์ทันที!
เรื่องผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ หลายๆ คนอาจสนใจว่าฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล? ก็ต้องขอตอบว่าหลังฉีด 3-4 วันก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเรื่องริ้วรอย ส่วนใครที่ต้องการใช้เพื่อหวังผลฉีดลดกราม อาจต้องรอผลลัพธ์ประมาณ 1 เดือน
ส่วนการฉีดฟิลเลอร์กี่วันเห็นผล ฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจาก botox ตรงที่ Filler ให้ผลลัพธ์หลังฉีดทันที! ใครใช้แล้วก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปบนใบหน้าได้เลย
โบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ อยู่ได้นานไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานกี่เดือน? ให้ผลลัพธ์ต่างจากโบท็อกซ์มากไหม? หลายๆ คนคงอยากรู้ว่าโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์ ตัวไหนจะอยู่ได้นานกว่ากัน? ซึ่งจุดนี้ จะขึ้นอยู่กับจุดที่ฉีดและคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ด้วย ซึ่งระยะเวลาที่ให้ผลลัพธ์โดยประมาณ มีดังนี้
- Filler : จะอยู่ได้นาน 6-24 เดือน
- Botox : จะคงผลลัพธ์ประมาณ 4-6 เดือน
สรุป
เมื่อได้รู้ความแตกต่างระหว่างการทำโบท็อกซ์ กับ ฟิลเลอร์กันไปแล้ว ก็น่าจะเป็นตัวช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าจะใช้หัตถการตัวไหนในการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า หากต้องการฉีดร่องแก้ม, ฉีดลดริ้วรอยใต้ตา, ฉีดลิฟหน้าเรียวหรือเติมเต็มความอ่อนเยาว์ให้ผิว เลือกฉีดฟิลเลอร์กับฉีดโบท็อกซ์ด้วยผลิตภัณฑ์จาก 44botox รับประกันได้รับของแท้มีมาตรฐานปลอดภัย เพื่อคงความสวยของคุณไว้เนิ่นนานแบบได้ดั่งใจ สามารถสั่งซื้อได้ง่ายๆ จากที่บ้านแล้วรอรับของที่บ้านได้หรือจะสอบถามใช้บริการกับคลินิกในเครือ 44botox ก็พร้อมให้บริการด้วยความจริงใจ! ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าความสวยทำให้ได้รับอภิสิทธิ์ดีๆ มากมาย คุณต้องการความสวยแบบไหน เลือกได้ด้วยตัวเอง!
