ว่าด้วยนวัตกรรมเนรมิตความสวยปังแบบสั่งได้ Skinvive vs Juvelook ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สาวๆ ยุคใหม่ห้ามพลาด! เพราะนี่คือไอเทมที่เหล่าคนดัง, บิวตี้บล็อกเกอร์, อินฟลูเอนเซอร์ ให้ความไว้วางใจ นำมาใช้เป็นตัวช่วยในการ Generate ผิวโทรม ให้กลับมาสวยมีระดับแบบเป็นคนละคน ว่าแต่ Skinvive กับ juvelook ช่วยอะไร? Juvelook เหมาะกับใคร? Skinvive เหมาะกับใคร? แบบไหนถึงจะตรงโจทย์ความสวยใสในแบบที่คุณต้องการ 44botox มีคำตอบมาให้แล้ว
เปิดประสบการณ์ใหม่! Skinvive vs Juvelook ทางเลือกเพื่อผิวสวยที่ใช่
เปิดประสบการณ์ความสวยที่เซเลบเลือก ด้วย Skinvive vs Juvelook ไอเทมสุดป๊อปที่เป็นที่นิยมของสาวๆ ทั่วโลกในตอนนี้ ที่พร้อมเป็นผู้ช่วยวาร์ปผิวคุณให้ข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไปสู่ผิวหน้าใหม่ ที่ดูงามในระดับพรีเมียม จะได้อัปเดตเทรนด์ความสวยแบบสาวยุคใหม่และรู้จักว่า Skinvive กับ Juvelook ต่างกันยังไง ไปดูกันเลย
ทำความรู้จัก Skinvive คืออะไร?
Skinvive กับ Juvelook ต่างกันยังไง? Skinvive คืออะไร? เมื่อเทียบกับ Juvelook ควรลองไหม? Skinvive ก็คือตัว Juvederm VOLITE ที่ปรับโฉมและ Rebranding ใหม่! มาเป็นตัวสกินวิฟฟ์ คือไอเทมที่จะช่วยหยุดเวลาให้กับผิว เรียกว่าต่อให้ผิวคุณเจอกับปัญหาผิวแบบไหนมา เลเซอร์ผิวไปเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ก็มีสกินวิฟฟ์นี่แหละที่ช่วยคุณได้! เพราะนี่คือนวัตกรรม Skin Booster ในรูปแบบฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเนื้อเนียนละเอียดที่อิมพอร์ตมาจากอเมริกา เป็นตัวช่วยงานผิวที่ฉีดเพียงแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้ผิวของคุณก้าวข้ามขีดจำกัดแห่งวัยได้แล้ว ด้วย Pure Hyaluronic acid ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำได้ดีถึง 1,000 เท่า! ทำให้ล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีมาก
Skinvive เหมาะกับใคร? ก็เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวสะสมจากผิวขาดน้ำและมีปัญหาหน้ามัน ด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยชุ่มชื้นที่ทรงพลัง พร้อมช่วยทำให้ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น, มีริ้วรอยก่อนวัยหรือริ้วรอยตามช่วงวัย, รูขุมขนกว้าง, ผิวขาดน้ำ ที่ขาดความสดใส กลับมามีผิวที่ดูดีขึ้นอย่างง่ายดาย!
ทำความรู้จัก Juvelook คืออะไร?
Skinvive vs Juvelook เมื่อเทียบกันแล้ว ถือเป็นตัวช่วยงานผิวที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวเช่นเดียวกัน แล้ว Juvelook คืออะไร? Juvelook คือ นวัตกรรม Biostimulator ที่ช่วยเติมเต็มความสวยให้ผิวอย่างมีระดับ ไม่เพียงแค่ให้ผิวอิ่มน้ำเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวที่เสื่อมสภาพกลับมามีคอลลาเจนมากขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและผิวแข็งแรงขึ้น แล้วคุณจะได้สัมผัสกับผิวที่ดูดี มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา รวมถึงได้รับความน่าเชื่อถือระดับโลกจาก FDA และ CE ทำให้มั่นใจได้ว่านอกจากความปลอดภัยแล้ว ผลลัพธ์การดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอกนั้น จะตอบโจทย์ปัญหาที่คุณมีแน่นอน ไม่ว่าจะเรื่องริ้วรอย, ร่องลึก, รอยหลุมสิวหรือรอยแผลเป็น, ผิวไม่สม่ำเสมอ ฯลฯ Juvelook พร้อมช่วยทำให้ผิวของคุณกลับมาดูเรียบเนียน, กระชับ, เต่งตึงและดูอ่อนเยาว์ลงได้หลายสิบปี
Skinvive กับ juvelook ช่วยอะไร
Skinvive vs Juvelook ช่วยอะไรได้บ้าง? ทั้ง Skinvive และ Juvelook เหมือนกันก็คือทั้งสองเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมามีความอ่อนเยาว์และทำให้ผิวใสฉ่ำน้ำเช่นกัน แต่มีกลไกในการทำงานที่แตกต่างกัน ตามมาดูกันว่า Skinvive vs Juvelook มีหน้าที่ช่วยผิวอย่างไรบ้าง?
- Skinvive ช่วยอะไร? สำหรับสกินวิฟฟ์ เน้นการดูแลผิวด้วย HYA เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยเพิ่ม Aquaporin 3 ให้ร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานและดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวที่ให้ได้แบบนี้ ทำให้ริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้ากลับมาแลดูตื้นขึ้น ผิวอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ มีความอ่อนเยาว์ขึ้นเหมือนย้อนกลับไปสมัยวัยรุ่น
- Juvelook ช่วยอะไร? สำหรับจูวีลุคนั้น เน้นฉีดเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวมีความแข็งแรงจากภายในและยังมี PDLLA+HA ผสานกับ Hyaluronic acid แบบ Non-Crosslink เพื่อแก้ปัญหาผิวต่างๆ โดยไม่ทำให้ผิวเป็นก้อน ช่วยลดเลือนริ้วรอย, จัดการปัญหารูขุมขนกว้างหรือหลุมสิวและช่วยลดความหมองคล้ำพร้อมทั้งปรับผิวให้เรียบเนียนได้ดั่งใจ!
เจาะลึก! Skinvive vs Juvelook ต่างกันอย่างไร ทำไมสาวๆ ถึงชอบ
อัปเดตกันชัดๆ Skinvive vs Juvelook สองนวัตกรรมเพื่อความสวยของสาวๆ ในยุค 2025 แตกต่างกันอย่างไร? Skinvive ช่วยเรื่องอะไร? Juvelook ช่วยเรื่องอะไร? Skinvive vs Juvelook เหมาะกับใครบ้าง? 44botox จะตอบให้
รายละเอียด | Skinvive | Juvelook |
คุณสมบัติเด่น | Skinvive มาพร้อมนวัตกรรมในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มน้ำและฉ่ำวาว ทำให้ผิวที่เคยโทรม มีความอ่อนเยาว์ขึ้นทันที | Juvelook เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างล้ำลึก ช่วยลดเลือนริ้วรอย แก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวแลดูสุขภาพดีและมีความแข็งแรงมากขึ้น |
เทคโนโลยีที่แตกต่าง | Skinvive ใช้เทคโนโลยีไฮยาลูรอนิกไมโครดรอปเล็ต (Microdroplets of Hyaluronic Acid) ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและเข้มข้นกว่ากรด HA ทั่วๆ ไป ทำให้การกระจายตัวยาในผิวนั้น ทั่วถึงมากกว่า | Juvelook คือนวัตกรรมการรักษาผิวพรรณที่ผสานเทคโนโลยี Hyaluronic Acid (HA) และ Polycaprolactone (PCL) เข้าไว้ด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูผิวระดับภายใน ให้มีความเต่งตึง, กระชับ, ดูเปล่งปลั่งและยังช่วยเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจนอย่างล้ำลึก |
กลไกการทำงาน | กลไกการทำงานของ Skinvive เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว ก็คือจะทำหน้าที่เป็น Skin Booster บำรุงและซ่อมแซมผิวจากภายใน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น, เรียบเนียนขึ้น กระชับรูขุมขนให้เล็กลง ทำให้คุณดูดีขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว | เมื่อฉีด Juvelook สู่ผิว ก็จะเกิดการกระตุ้นผิว 5 ประการจาก Collagen Type 1, Collagen Type 3, Elastin, Proteoglycan, Angiogensis ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น, อิ่มน้ำ, เติมเต็มริ้วรอยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยกระชับรูขุมขนและจัดการริ้วรอยแผลเป็นให้เนียนอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย |
ระยะเวลาที่เห็นผล | Skinvive จะค่อยๆ ทำให้ผิวของคุณแลดูสุขภาพดี มีความเปล่งปลั่งภายใน 1-2 สัปดาห์ ผิวที่แห้งหรือขาดน้ำก็จะค่อยๆ ชุ่มชื้นขึ้นและชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน โดยจะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธิภาพ 1 เดือนหลังฉีด ซึ่งให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานประมาณ 6-9 เดือน แนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 6 เดือนเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานมากขึ้น | หลังจากฉีด Juvelook แล้ว คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงจากผิวภายใน 2-4 สัปดาห์แรกและจะอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาหลังฉีดของแต่ละบุคคล |
เปรียบเทียบ Skinvive vs Juvelook เหมาะกับผิวแบบไหน
Skinvive vs Juvelook เหมาะกับผิวแบบไหนบ้าง? ผิวแบบไหนควรฉีดอะไร? มาดูคำตอบกันเลย
Skinvive เหมาะกับผิวแบบไหน?
Skinvive vs Juvelook ถือเป็นตัวเลือกที่ตัดสินใจยาก ถ้ายังไม่แน่ใจว่าใช้ตัวไหนดี? ลองมาดูว่า Skinvive เหมาะกับใคร? ผิวแบบไหนควรใช้ Skinvive! สำหรับตัวสกินวิฟฟ์นั้นเหมาะกับคนที่อยากมีผิวสุขภาพดีและดูเปล่งปลั่ง ต่อให้ผิวแห้งกร้านมานาน, ผิวขาดน้ำ, ผิวหย่อนคล้อย, รูขุมขนกว้างหรือขาดการบำรุงผิวมานานแค่ไหน? Skinvive ก็เอาอยู่ เพราะ Skinvive จะช่วยเติมเต็มผิวที่แห้งเสียให้กลับมามีความชุ่มชื้น, อิ่มฟู, ลดเรือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามช่วงวัยและที่เกิดจากมลภาวะให้คุณได้อย่างดี พร้อมทำให้เซลล์ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ตามกลไกของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
Juvelook เหมาะกับผิวแบบไหน?
Skinvive vs Juvelook เหมาะกับผิวแบบไหน? ถ้าเลือกใช้จูวีลุคดีหรือเปล่า? Juvelook เหมาะกับใครบ้าง? Juvelook เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น, กรรมพันธุ์ รวมไปถึงมลภาวะที่ต้องเจอในแต่ละวัน อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพลง นำมาซึ่งปัญหารูขุมขนกว้าง, ผิวหย่อนคล้อย, รอยหลุมสิว, รอยแผลเป็นหรือแม้กระทั่งผู้ที่อายุมากขึ้น ผิวไม่ยืดหยุ่นเพราะผิวเริ่มขาดคอลลาเจนแล้ว Juvelook ก็จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้ผิวกลับมาดูสวยใสเหมือนสาววัยสะพรั่งได้อีกครั้ง
Skinvive vs Juvelook เลือกฉีดตัวไหนดี ฉีดกี่ CC
ระหว่าง Skinvive vs Juvelook แตกต่างกันอย่างไร? ควรเลือกฉีดตัวไหนดี? ใครที่กำลังสงสัยอยู่ละก็ 44botox มีคำตอบให้แล้ว รวมถึงบอกหมดว่า Skinvive vs Juvelook ฉีดกี่ CC ถึงจะเห็นผล ดังนี้
Skinvive กับ Juvelook ต่างกันยังไง? ฉีดตรงไหนได้บ้าง เลือกฉีดตัวไหนดี?
Skinvive vs Juvelook แตกต่างกันอย่างไร? ฉีดตรงไหนได้บ้าง? ควรจะเลือกฉีดตัวไหนถึงจะเห็นผลที่สุด? ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Skinvive vs Juvelook สามารถฉีดได้ทั่วทั้งบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้ม, ใต้ตา, หน้าผาก, ร่องน้ำตา, คางหรือปาก แต่จะต่างกันตรงคุณสมบัติในการเติมเต็ม, บำรุงและแก้ไขปัญหาผิว เพราะทั้งสองนวัตกรรมนี้เป็นผลิตภัณฑ์ฉีดเพื่อบำรุงผิวที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน แล้วควรเลือกฉีดตัวไหนดี? เช็กเลย
- Skinvive : เน้นการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวที่หยาบกร้าน, รูขุมขนดูชัด, หน้าไม่เรียบเนียนหรือแต่งหน้าแล้วเป็นขุยๆ ให้กลับมามีผิวที่ดูอิ่มฟูและมีน้ำนวล อีกทั้งช่วยปรับปรุงผิวที่เสื่อมสภาพ, ทำให้ผิวขาดน้ำกลับมาดู Glow และมีความสดใสแบบเปล่งประกายมากขึ้นโดยไม่ทำให้ผิวมัน เพื่อให้คุณมีคุณภาพผิวที่ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิม
- Juvelook : จะเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนชั้นลึกใต้ผิวและสามารถฉีดผิวชั้นตื้นเพื่อการบำรุงผิวได้อีกด้วย มีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์, ลดเลือนริ้วรอยทั้งร่องตื้นและร่องลึก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือต้องการแก้ไขปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของช่วงวัย
Skinvive กับ Juvelook ต่างกันยังไง? ต้องฉีดกี่ CC ถึงจะเห็นผล?
Skinvive vs Juvelook ควรฉีดกี่ CC ถึงจะเห็นผล? การออกฤทธิ์ของ Skinvive จะมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในบริเวณชั้นผิวหนัง โดยจะเข้าไปเติมเต็มและล็อกความชุ่มชื้นเอาไว้ในเซลล์ผิว ซึ่งจะช่วยทำให้เซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการฉีดเพื่อให้เห็นผลลัพธ์สูงสุดก็คือ 2-4 CC หากต้องการฉีดทั้งใบหน้าแนะนำฉีด 1 CC ต่อใบหน้า 1 ข้าง จะทำให้คุณจะเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ส่วนนวัตกรรมในการเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวด้วย Juvelook หากต้องการฉีดเพื่อดูแลผิวทั่วทั้งใบหน้า แนะนำให้ใช้ 1 ขวดต่อการฉีด 1 ครั้ง ซึ่ง 1 ขวด จะบรรจุผงปริมาณ 6 CC ให้ผสมน้ำเกลือเพื่อเปลี่ยนเป็นสารละลายเพื่อใช้ฉีดตามตำแหน่งต่างๆ ทั่วใบหน้า หากต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนแนะนำให้ฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง โดยเว้นระยะเวลาห่างกัน 1 เดือนและควรฉีดซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ต่อเนื่องและชัดเจนมากยิ่งขึ้น!
Skinvive กับ Juvelook ต่างกันยังไง? ต้องฉีดกี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล อยู่ได้กี่เดือน
- Skinvive vs Juvelook ฉีดกี่ครั้งดีถึงจะเห็นผล แล้วผลลัพธ์อยู่ได้กี่เดือน? การฉีด Skinvive เพียงครั้งเดียว สามารถให้ผลลัพธ์ความชุ่มชื้นของผิวได้ยาวนานถึง 9 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาและต้องการแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างเร่งด่วน!
- สำหรับ Juvelook นั้นแนะนำให้ฉีดอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งผลลัพธ์ของ Juvelook นั้น อยู่ได้นานถึง 2 ปี ทั้งนี้อาจเห็นผลแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
ข้อควรรู้! Skinvive vs Juvelook มีผลข้างเคียงไหม? ใช้แล้ว แสบหรือบวมไหม?
มาถึงข้อควรรู้ที่สาวๆ ต้องทำความเข้าใจก่อนฉีด Skinvive กับJuvelook ข้อเสียมีอะไรบ้าง? หลังจากใช้จะแสบหรือบวมไหม? รวมไปถึงใครที่สงสัยว่า ถ้าอยากฉีดทั้ง Skinvive กับ Juvelook ฉีดร่วมกันได้ไหม? ไปหาคำตอบกันได้เลย
ข้อควรรู้ก่อนใช้ Skinvive กับ Juvelook ฉีดร่วมกันได้ไหม
เพราะ Skinvive vs Juvelook เป็นนวัตกรรมที่มีคุณสมบัติในการดูแลผิวแตกต่างกัน สามารถใช้ Juvelook เพื่อทำให้ผิวเด้งยืดหยุ่นและปิดท้ายด้วยการดูแลสุขภาพผิวให้ดีขึ้นด้วย Skinvive ได้เลย จะทำให้คุณเห็นผลลัพธ์จากการใช้ Skinvive vs Juvelook แบบดับเบิ้ล ได้ความสวยแบบ X2 ยกระดับความปังให้ผิวดูดีและดูสุขภาพดีจากภายในได้เป็นอย่างดี จะได้ตัดสินใจได้ง่ายกว่า เลือกใช้ทั้งคู่ร่วมกันไปเลย!
Skinvive กับ juvelook ข้อเสียมีอะไรบ้าง? มีผลข้างเคียงไหม?
Skinvive vs Juvelook มีข้อเสียไหม? ถ้าใช้ Skinvive กับ Juvelook ข้อเสียมีอะไรบ้าง? การเลือกใช้ Skinvive กับ Juvelook ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก็คือ อาการบวม, แดง, ร้อน, คันหรือมีรอยช้ำหลังฉีดและอาจจะเกิดขึ้นจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพหรือใช้ปริมาณที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นหากสาวๆ คนไหนที่ต้องการฉีด Skinvive vs Juvelook ควรปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสม อีกทั้งควรเลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่ปลอดภัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามประสิทธิภาพที่สุด
เผยเคล็ดลับ! วิธีการดูแลผิวหลังฉีด Skinvive vs Juvelook
วิธีการดูแลหลังฉีด Skinvive vs Juvelook มีความคล้ายกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ควรงดออกกำลังกายและการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เหงื่อออก หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น กลางแดดจัด, ซาวน่า รวมถึงควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
Skinvive vs Juvelook เลือกซื้อที่ไหนดี?
มาถึงตอนนี้หลายๆ คนก็คงสนใจอยากฉีด Skinvive vs Juvelook กันแล้วใช่ไหมล่ะ? หากคุณกำลังลังเลไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพจากแหล่งจำหน่ายที่ไหนดี? ขอแนะนำให้เลือกซื้อ Skinvive และ Juvelook กับ 44botox ที่เดียว ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของราคาและคุณภาพ ทำให้คุณลงทุนเรื่องความสวยมีระดับได้อย่างมั่นใจ เลือกใช้ได้อย่างปลอดภัย คุณภาพเดียวกันกับแหล่งผลิตที่ต่างประเทศ เพราะ 44botox ใส่ใจในการควบคุมคุณภาพตั้งแต่การนำเข้า, การจัดเก็บและการจัดส่งจนถึงมือคุณ จะได้ฉีดผิวเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในพริบตา ด้วยผลิตภัณฑ์ของแท้ 100%
Skinvive vs Juvelook ราคา
เช็กเลยถ้าอยากสวยอย่างมีระดับ ต้องลงทุนเรื่องความสวยกับ Skinvive vs Juvelook ราคาเท่าไหร่บ้าง? ที่ 44botox วางจำหน่ายในราคาและปริมาณดังนี้
Skinvive ราคา อย.ไทย
- ราคาปลีก 2500 บาท (แบบซื้อแยก CC) ขนาด 1 หลอดมี 1 CC
Skinvive ราคานำเข้า
- ราคาปลีก 3990 บาท (แบบซื้อแยก CC) ขนาด 1 หลอดมี 1 CC
- ราคาส่ง 7590 บาท (แบบซื้อยกกล่อง) ขนาด 1 กล่องมี 2 CC
Juvelook ไหมน้ำของแท้นำเข้าเกาหลี
- ราคา 5690 บาท/ขวด
Juvelook ไหมน้ำของแท้ผ่าน อย.ไทย
- ราคา 9990 บาท/ขวด
สรุป
Skinvive vs Juvelook คือคำตอบสุดท้ายของความสวยระดับพรีเมียมที่คุณสาวๆ และคุณหนุ่มๆ ทุกคนจับต้องได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาผิวในรูปแบบไหนจัดว่าเป็นตัวเลือกที่เอาอยู่และคุ้มค่ามาก! ใครสนใจอยากเนรมิตความสวยให้ผิวหน้ากลับมาดูเปล่งปลั่งทุกองศา เลือก Skinvive vs Juvelook ราคาคุ้มค่ากับ 44botox ได้เลย มั่นใจได้ทุกผลลัพธ์หลังฉีดแบบ 100% อีกทั้ง Skinvive กับ Juvelook รีวิวแน่นมาก ใครๆ ได้ใช้ ก็จบทุกปัญหาผิวหน้าที่เคยมีกับ 44botox แบบไม่ต้องลุ้น!